การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาซึ่งก่อให้เกิดอันตรายขั้นรุนแรง ระหว่างยาต้านไวรัสเอชไอวี กลุ่ม Protease Inhibitor กับยากลุ่ม ergotamine

เนื่องด้วยปัจจุบันพบรายงานผู้ป่วยที่ใช้ยาต้านไวรัสกลุ่ม protease inhibitors (PIs) รักษาการติดเชื้อเอชไอวี เกิดอาการไม่พึงประสงค์รุนแรง เนื่องจากปฏิกิริยาระหว่างยา (drug interaction) ทำให้เกิดปฏิกิริยารุนแรงและเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เพื่อแจ้งเตือนบุคลากรทางการแพทย์ให้ทราบถึงความเสี่ยงดังกล่าว จึงขอกำหนดให้ยาดังกล่าวเป็นยาที่ควรแจ้งคำเตือนถึงความเสี่ยงของการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาก่อนเริ่มจ่ายยากลุ่มนี้ ดังกรณีผู้ป่วยตัวอย่างต่อไปนี้

กรณีตัวอย่าง การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยารุนแรงและเกิดอันตรายขั้นรุนแรงภาวะ ergotism

กรณีตัวอย่างที่ 1

ผู้ช่วยทันตแพทย์ ไม่ได้ติดเชื้อเอชไอวี โดนเข็มตำ ได้รับยาป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีสูตร AZT/3TX/lopinavir/r หลังรับประทานยา มีอาการปวดศีรษะ ซื้อยารักษาอาการไมเกรน Cafergot® (ergotamine และ caffeine) รับประทานไปหนึ่งเม็ด ต่อมามีอาการปลายมือปลายเท้าเขียว เย็นซีด เพลีย หน้ามืด เข้ารับการรักษา เกิดปลายอวัยวะขาดเลือด (limb ischemia) จนมีเนื้อตาย (gangrene) และต้องถูกตัดเท้าสองข้างในที่สุด

กรณีตัวอย่างที่ 2

ผู้ติดเชื้อเอชไอวี รับประทานยาต้านไวรัสสูตร lopinavir/r มาผ่าตัดโดยให้ยาชาทางไขสันหลัง หลังผ่าตัดเกิดอาการปวดศีรษะ ได้ยาหลายชนิดไม่ดีขึ้น แพทย์สั่ง Cafergot® ให้ ต่อมามีอาการคลื่นไส้ อาเจียรรุนแรง เพลีย หน้ามืด ความดันโลหิตลดลง ปลายแขนขาเขียวคล้ำ และเสียชีวิตในที่สุด

ปฏิกิริยาระหว่างยากลุ่ม protease inhibitor และยากลุ่ม ergot derivative

ยากลุ่ม ergot derivative เช่น ergotamine ซึ่งเป็นยาที่รักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน หรือ Methergin® (methylergometrine maleate) จะถูกเมแทบอลิซึมที่ตับผ่าน CYP 450 ดังนั้นยาที่มีผลเป็น CYP inhibitor ก็จะไปเพิ่มระดับยากลุ่มนี้อย่างรวดเร็ว เช่น clarithromycin, ketoconazole และยากลุ่ม PIs โดยเฉพาะยาที่มี ritonavir ด้วย ซึ่งที่ใช้กันมากคือ lopinavir/r ระดับยา ergot derivative ที่สูงขึ้น จะทำให้เกิดเส้นเลือดส่วนปลายหดตัว (peripheral vascular vasoconstriction) อย่างรุนแรง เช่น ที่แขน หรือที่ขา ทำให้เกิดอาการขาดเลือด จนทำให้เกิดอาการเนื้อตายได้ หรือถ้าเป็นสมองก็ทำให้ชัก ไม่รู้สึกตัว หรืออัมพาตได้ ผู้ติดเชื้ออาจจะมีอาการตั้งแต่เริ่มเรกที่รับประทานยา เช่น คลื่นไส้/อาเจียนรุนแรง เพลีย หน้ามืด ความดันโลหิตลดลง ชา หรือปวดที่แขนขา (โดยเฉพาะขา) หรืออาจจะมีอาการเขียว (cyanosis)

ดังนั้นผู้ติดเชื้อที่รับประทานยากลุ่ม PIs ห้ามรับประทานยากลุ่ม ergotamine โดยเด็ดขาด แม้เพียงเม็ดเดียวก็เกิดปัญหาได้ การรักษาในรายที่เป็นรุนแรงต้องให้ยาขยายหลอดเลือด (vasodilator drug)

ขอความร่วมมือให้ แพทย์ เภสัชกร พร้อมแจ้งเตือนผู้ที่ใช้ยาต้านไว้รัสกลุ่ม PIs ให้ระมัดระวังการใช้ยา โดยแจ้งให้ผู้ที่ใช้ยาต้านไวรัสกลุ่มนี้ระมัดระวังการซื้อยาอื่นกินร่วม หรือแพทย์ต้องสั่งยาด้วยความระมัดระวัง ควรมีข้อความคำเตือน ปรับปรุงฉลากยา หรือเอกสารห้ามใช้ยาบางชนิดร่วม